เว็บตรง ฟิวเจอร์ปาร์ค เร่งทำความสะอาด หลังเจอผู้ป่วย โควิด

เว็บตรง ฟิวเจอร์ปาร์ค เร่งทำความสะอาด หลังเจอผู้ป่วย โควิด

ห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์คและสเปลล์ได้ประกาศ เว็บตรง ทางเฟซบุ๊ก ว่าทางห้างได้เริ่มทำความสะอาดฆ่าเชื้อและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันสูงสุด หลังจากที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี ที่ได้เผยแพร่ไทม์ไลน์ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ว่ามาใช้บริการในวันที่ 15 ธันวาคม 2563 ที่ B2S ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และวันที่ 30 ธันวาคม 2563 ที่ธนาคารกสิกรไทย

โดยทางห้างระบุว่า “ประกาศศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์

ตามประกาศกรุงเทพมหานคร และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี ที่ได้เผยแพร่ไทม์ไลน์ผู้ป่วยติดเชื้อโรคโควิด19 ว่ามีผู้ป่วยมาใช้บริการในวันที่ 15 ธันวาคม 2563 ที่ B2S ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และวันที่ 30 ธันวาคม 2563 ที่ธนาคารกสิกรไทย

ตรวจสอบพบว่ามาใช้บริการที่ B2S เซ็นทรัล ชั้น บี และธนาคารกสิกรไทย ชั้น 2 โซนเซ็นทรัลจริง ศูนย์การค้าจึงได้ดำเนินตามมาตรการการป้องกันขั้นสูงสุดตามกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ดังนี้

1. ร้าน B2S ได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตรวจสอบและติดตามอาการพนักงานทุกคนอย่างใกล้ชิดพนักงานทุกคนมีอาการปกติ และยังคงติดตามอาการเป็นระยะๆ

2. ร้าน B2S เซ็นทรัล ชั้น บี ทำความสะอาดพื้นที่ผิวสัมผัสทุกพื้นที่ และฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ อบโอโซน ก่อนเปิดให้บริการในวันที่ 7 มกราคม 2564

3. ธนาคารกสิกรไทยทั้งชั้น 1 โซนโรบินสัน และ ชั้น 2 โซนเซ็นทรัล ทำความสะอาด พื้นที่ผิวสัมผัสทุกพื้นที่ และฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ อบโอโซน และให้เปิดบริการเฉพาะ ชั้น 1 โซนโรบินสันเท่านั้น

4.ให้พนักงานธนาคารกสิกรไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ในสาขาชั้น 2 หยุดเฝ้าระวังอาการเป็นเวลา 14 วัน พร้อมจัดพนักงานชุดใหม่ปฏิบัติหน้าที่ในสาขาที่เปิดบริการ

5. ศูนย์การค้าฯ ได้ทำความสะอาดพื้นที่และผิวสัมผัสทุกพื้นที่ภายในศูนย์การค้า ตั้งแต่ชั้นบี ถึง ชั้น 3 นอกเหนือจากมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัย ที่ศูนย์การค้าฯ ทำเป็นประจำ

ทั้งนี้ ศูนย์การค้าฯ คำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าเป็นสำคัญ โดยได้ปฏิบัติตามมาตรการหลักด้านความปลอดภัยเชิงรุกขั้นสูงสุด ได้แก่ มาตรการการคัดกรองอย่างเข้มงวด, มาตรการลดความแออัด, มาตรการสุขอนามัยเชิงรุก และมาตรการเฝ้าระวังติดตามเพื่อความปลอดภัยของลูกค้า พนักงานและผู้ใช้บริการ จึงขอให้ทุกท่านมั่นใจและไว้วางใจในการใช้บริการของศูนย์การค้าฯ และขอเป็นกำลังใจให้คนไทยทุกคนร่วมก้าวข้ามเหตุการณ์นี้ไปด้วยกันอย่างดีที่สุด”

อัปเดตข่าว มาตรการเยียวยาโควิด จากกระทรวงการคลัง

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการ คลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ตามที่ได้ปรากฏข่าวเผยแพร่ทางสื่อเกี่ยวกับผลกระทบจาก คำสั่งปิด สถานที่ภายใน พื้นที่เสี่ยง ต่าง ๆ แต่กลับไม่มี มาตรการเยียวยา จากรัฐบาลที่ชัดเจนเพื่อลดผลกระทบจากคำสั่งปิดกิจการชั่วคราว

กระทรวงการคลังขอเรียนชี้แจงว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศพื้นที่ควบคุมสูงสุด จำนวน 28 จังหวัด นั้น เป็นการบริหารจัดการเพื่อควบคุมการระบาดและเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยได้มีการยกระดับมาตรการในการควบคุมการระบาดของโรค เช่น การจำกัดเวลาเปิด-ปิดสถานประกอบการ การปิดสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด และการขอความร่วมมือให้หลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก เป็นต้น

โดยเป็นแนวทางในการดูแลสาธารณสุขที่เพียงพอและทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังสามารถดำเนินต่อไปได้ ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจและด้านสาธารณสุขไปพร้อม ๆ กัน และขอให้มั่นใจว่าประเทศไทยมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง มีนโยบายทางการเงินและนโยบายทางการคลังที่พร้อมจะดูแลและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ

รวมทั้งฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการระบาดอย่างใกล้ชิด และอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทำมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ที่เหมาะสมต่อไป

โฆษกกระทรวงการคลังได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ภาครัฐมีแหล่งเงินทั้งในส่วนของเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นและรายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 จำนวนกว่า 1.39 แสนล้านบาท และเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ในส่วนที่เหลือ จำนวน 4.7 แสนล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2563) และงบลงทุนรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2564 จำนวน 2.9 แสนล้านบาท ที่จะดูแลและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้ต่อไป

นอกจากนี้ ตามที่มีข่าวปรากฏในภายหลังว่า กระทรวงการคลังจะมีมาตรการเยียวยาแจกเงิน จำนวน 4,000 บาท ขอเรียนว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่งหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ทั้งนี้ สามารถติดตามสืบค้นข้อมูลข่าวสารและความคืบหน้าที่ถูกต้องเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ของกระทรวงการคลังได้จากแถลงข่าวกระทรวงการคลัง ในเว็บไซต์ www.mof.go.th หรือในเฟซบุ๊ก “สถานีข่าวกระทรวงการคลัง” เว็บตรง / บาคาร่าเว็บตรง